1607 จำนวนผู้เข้าชม |
ขึ้นชื่อว่าส้มตำเชื่อว่าเป็นเมนูจานโปรดของใครหลายคน เพราะนอกจากจะหารับประทานได้ง่ายแล้ว รสชาติยังจัดว่าเด็ดถูกปากคนไทย โดยเฉพาะคนอีสานที่ถือเป็นต้นตำรับ ดังนั้นเมื่อขาดส้มตำไม่ได้ ก็ต้องทำให้ส้มตำสามารถพกพาไปได้ทุกที่ ด้วยไอเดียการทำ
“ส้มตำไทยอบกรอบ” แบรนด์แม่ตุ๊ก ที่เพียงเติมน้ำลงไป ก็จะได้ลิ้มรสส้มตำไทยสดใหม่ในเวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น และกลายเป็นกระแสโด่งดังในโซเชียลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
แต่กว่าไอเดียส้มตำไทยอบกรอบจะเกิดขึ้นนั้น เริ่มมาจากการเห็นสินค้าทางการเกษตรของชาวบ้านล้นตลาด จนต้องงัดภูมิปัญญาดั้งเดิมมาแปรรูปเพื่อเก็บได้นานขึ้น ซึ่งแต่เดิมเธอช่วยขายของในร้านของพี่สาวเป็นร้านขายส่งวัตถุดิบด้านอาหาร เช่น กะปิ ปลาร้า หน่อไม้ดอง ผักกาดดอง ฯลฯ อยู่ที่ตลาดสี่มุมเมืองมานานกว่า 17 ปี ทำให้เห็นปัญหาของชาวบ้านและเกษตรกรที่เมื่อผลผลิตล้นตลาด ก็ต้องนำมาแปรรูปและส่งขายทำให้เกิดการตัดราคากันเอง
แค่ฉีกซองเติมน้ำเพียงครึ่งแก้ว
ทำให้เธอคิดจะช่วยชาวบ้าน และหวังยกระดับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้มีมาตรฐานสากล สามารถส่งออกได้ ดังนั้นในปี 2550 เธอเริ่มทำปลาร้าต้มสุกบรรจุขวดขึ้นเป็นเจ้าแรกๆ ในไทย ภายใต้แบรนด์พีเค (PK) จนได้รับความนิยม ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง สถานที่ผลิตเริ่มคับแคบลง เธอจึงตัดสินใจซื้อที่ดินจำนวน 52 ไร่ ย่านหนองเสือ (รังสิตคลอง 12) แวดล้อมไปด้วยทุ่งนา คลองชลประทาน และธรรมชาติ ที่เทียบเคียงกับบ้านเกิดของเธอ จ.ศรีสะเกษ พร้อมสร้างโรงงานขนาดย่อมเพื่อแปรรูปสินค้าเกษตรเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา กับบริษัทที่ชื่อว่า MT เกษตรแปรรูป
โรงงานแห่งนี้เน้นการนำพืชผลทางการเกษตรมาแปรรูปโดยปลูกเองบ้าง เช่น หน่อไม้ ข้าว เห็ด และผักสวนครัว รวมถึงรับผลผลิตจากเกษตรด้วย โดยมีการทำผักกาดดอง หน่อไม้ดอง พริกแกง น้ำยำ น้ำจิ้ม ปลาร้า เห็ดดองซีอิ๊ว ดองน้ำเกลือ เป็นต้น ใช้ชื่อแบรนด์ว่า MT และ PK รวมกว่า 200 รายการ ซึ่งยังขายส่งที่ตลาดสี่มุมเมืองร้านของพี่สาวเช่นเดิม แต่เน้นจุดขายในเรื่องกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ผ่านการฆ่าเชื้อ และโรงงานได้มาตรฐาน GMP HACCP และ อย. แม้กำไรจะไม่มากนัก แต่ก็ถือเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยกัน
ส่วนแนวคิดในการทำส้มตำไทยอบกรอบ เธอก็ต้องการให้เกษตรไทยเติบโตไปได้ไกลกว่านี้ จึงได้ลองพัฒนาส้มตำขึ้น เพราะเมนูนี้ใช้วัตถุดิบทางการเกษตรหลายชนิด ซึ่งใช้วิธีลองผิดลองถูกประมาณ 2 ปี เพื่อทำให้ส้มตำเก็บได้นานขึ้น และสามารถขายได้ทั่วโลก
“เราลองวิธีอบด้วยความร้อน นำไปทอด และวิธีอื่นอีกต่างๆ นานา กระทั่งใช้วิธีการดึงน้ำออกด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย กระทั่งได้ส้มตำไทยอบกรอบอย่างในปัจจุบัน เพียงเปิดซอง เติมน้ำสะอาดในอุณหภูมิห้องประมาณ 100 ซีซี หรือประมาณครึ่งแก้วลงไป รอประมาณ 1-2 นาที ก็เริ่มคนเพื่อให้น้ำคลุกเคล้าให้ทั่วถึง กระทั่งได้ส้มตำที่ไม่ต่างจากการตำสดใหม่ออกจากครก รสชาติถึงเครื่องกลมกล่อม แบ่งระดับความเผ็ดไว้ 3 ระดับ คือ เผ็ดน้อย เผ็ดกลาง และเผ็ดมาก”
เริ่มคนคลุกเคล้า
คลุกเคล้าให้ทั่ว
จะได้ส้มตำไทยสดใหม่ ไม่ต่างจากการตำออกจากครก รับประกอบความกรุบกรอบของผัก
แม้เปิดตัวมาได้ประมาณ 1 เดือน แต่ด้วยกระแสโซเชียล ทำให้ส้มตำไทยอบกรอบแม่ตุ๊ก เกิดกระแสการ 'แชร์' ในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้คนต่างทึ่งในความอัศจรรย์ของส้มตำอบกรอบที่เพียงเติมน้ำก็กลายเป็นส้มตำสด ทำให้สามารถพกพาไปได้ทั่วโลก แถมยังปราศจากวัตถุกันเสีย ส่งผลให้แม่ตุ๊กต้องเพิ่มกำลังการผลิตอย่างรวดเร็ว และมีการจดอนุสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจากการตอบรับดีของคนไทยนั้น เธอบอกว่าผิดคาด เพราะไม่คิดว่าส้มตำราคาซองละ 90 บาทจะเป็นที่นิยมของคนไทย ขณะที่มีคนไทยก็ซื้อไปฝากคนไทยในต่างแดน และบรรดาเทรดเดอร์ต่างก็สั่งซื้อเป็นตัวอย่างสินค้าหวังเจาะตลาดต่างประเทศเช่นเดียวกัน
ดังนั้นส้มตำเมนูต่อไปที่คาดว่าจะวางตลาดในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ แม่ตุ๊กเตรียมทำส้มตำปูปลาร้า ส้มตำซีฟูด และส้มตำเจ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ และเป็นทางเลือกใหม่ๆ แก่ลูกค้า โดยเน้นรสชาติต้นตำรับของส้มตำแต่ละเมนู ซึ่งปัจจุบันได้จัดส่งทางไปรษณีย์ ขณะที่น้ำหนักต่อซองอยู่ที่ 80 กรัมเท่านั้น
ต่อไปไม่ว่าคนไทยจะอยู่มุมไหนของโลกก็ไม่ต้องโหยหาอาหารไทยอีกต่อไป เพียงมี 'ส้มตำไทยอบกรอบแม่ตุ๊ก' ติดกระเป๋าก็เหมือนพกความแซบไปด้วยกันได้ทุกที่
***สนใจติดต่อ 08-9506-5003, 08-1809-5299 หรือที่ www.maetuk.com*
ref : https://mgronline.com/smes/detail/9600000015599